
ภาษีที่เราควรรู้ก่อนเริ่มต้นทำธุรกิจ
อย่างที่หลาย ๆ คนพูดกัน มีสองสิ่งที่ในโลกนี้ที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ “ความตาย” และ “ภาษี” แต่ภาษีนั้นมีหลายประเภท ภาษีอะไรที่เราจำเป็นต้องรู้เมื่อเริ่มต้นธุรกิจ ในบทความนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับประเภทภาษีกัน วันนี้ กฏหมายภาษี จะพามาดู
ประเภทภาษีต่าง ๆ
ภาษีเงินได้
ภาษีเงินได้ ก็คือภาษีตามชื่อเลย จะเก็บจากผู้มีรายได้ แบ่งเป็นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล
– ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่เก็บจากบุคคลธรรมดา หากเราทำธุรกิจโดยไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เราต้องจ่ายภาษีส่วนบุคคล โดยผู้ที่ทำธุรกิจในนามของบุคคล จะต้องยื่นภาษีสองครั้งในแต่ละปี ภาษีรายครึ่งปีโดยใช้ ภ.ง.ด. 94 และภาษีเงินได้ประจำปีโดยใช้ ภงด. 90 แตกต่างจากพนักงานที่ได้รับเงินเดือนที่ได้รับเงินเดือน โดยจะยื่นภาษีเงินได้ประจำปีโดยใช้ ภ.ง.ด.91 แทน
– สำหรับคนที่ทำธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคล ภาษีที่คุณต้องจ่ายคือภาษีเงินได้นิติบุคคลเท่านั้น ในหนึ่งปีต้องยื่น 2 ครั้ง คือ ภาษีเงินได้ครึ่งปี ภ.ง.ด. 51 และภาษีเงินได้ประจำปีโดยใช้ ภงด. 50.

ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย
ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามชื่อก็คือ “หัก ณ ที่จ่าย” หากชำระเงินตามเงื่อนไข ผู้ชำระเงินจะต้องหักเงินจำนวนหนึ่งเพื่อนำส่งภาษีให้รัฐ หลักการของภาษีนี้คือการลดภาระภาษีของผู้รับเงินในช่วงปลายปีในฐานะผู้มีรายได้ เพราะมันค่อย ๆ จ่ายภาษีทีละนิดตามเวลาที่รับมา ดีกว่าเจอภาษีก้อนใหญ่เพียงตัวเดียว (อีกเหตุผลคือ กรมสรรพากรต้องการเพิ่มโอกาสได้รับเงินภาษีมากขึ้น เพราะหลายคนไม่กล้าขอคืนภาษี)
อัตราภาษีที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าเราจ่ายให้ใคร และจ่ายในสิ่งที่เราจะไม่ลงรายละเอียดในบทความนี้ แต่เรารู้อยู่แล้วว่าเมื่อเราต้องจ่ายให้คนอื่นแม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนธรรมดาก็ตาม หรือนิติบุคคลเราต้องระงับและนำส่งกรมสรรพากรด้วย และในทางกลับกัน เราจะไม่รับเงินจากลูกค้าเต็มจำนวน เพราะต้องหักเงินเราไปส่งกรมสรรพากรด้วย
ส่วนที่เราหักไปหรือลูกค้าหักจากเรา จะถูกแทนที่ด้วยกระดาษที่เรียกว่า “หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย” ซึ่งผู้หักภาษี ณ ที่จ่ายสามารถขอรับเงินคืนจากรัฐได้ในช่วงปลายปี หรือเพื่อลดภาระภาษี
ภาษีที่ท่านต้องนำส่งแบ่งออกเป็นหลายประเภท หากเราชำระเป็นรายบุคคลแบบภาษีที่เราต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่งไปยังรัฐอาจเป็น ภ.ง.ด. 1, ภ.ง.ด. 2, ภ.ง.ด. 3 ขึ้นอยู่ว่าเราจ่ายอะไร หรือถ้าเราจ่ายภาษีนิติบุคคล เราต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย และส่งให้รัฐน่าจะเป็น ภ.ง.ด. 53, ภ.ง.ด. 54 ก็ได้

ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือที่เรียกว่า VAT คือภาษีที่บวกเข้ากับราคาสินค้าหรือบริการที่เรียกเก็บจากลูกค้า ผู้ขายที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มมีหน้าที่เรียกเก็บ VAT 7% จากราคาขายที่เรียกว่า “ภาษีขาย” และหากเราไปซื้อสินค้า/บริการที่ผู้ขายถูกเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย ราคาซื้อที่จ่ายเพิ่มนี้จะเรียกว่า “ภาษีซื้อ”
ผู้ที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่มจะต้องนำส่งภาษีของตนไปยังสรรพากรภายในเวลาที่กำหนด (เช่น วันที่ 15 ของเดือนถัดไป หรือ + 8 วันหากยื่นทางออนไลน์) ตามจำนวนภาษีขาย หักจากจำนวนภาษีซื้อ
ถ้าภาษีขาย > ภาษีซื้อ เราก็ต้องจ่ายให้กรมสรรพากรส่วนที่ยังขาดอยู่ แต่ถ้าภาษีซื้อ > ภาษีขาย เราสามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้จากกรมสรรพากร หรือเก็บไว้เพื่อขอคืนเงินหรือชดเชยในเดือนถัดไปได้
สำหรับการยื่นภาษีซื้อนี้มี 2 แบบ คือ แบบ ภ.ป.30 (สำหรับซื้อขายกับผู้ประกอบการในไทย) และ ป.36 (สำหรับซื้อขายกับผู้ประกอบการต่างชาติ เช่น ค่าเช่าเวอร์ชั่นต่างประเทศ ค่าซอฟต์แวร์จากต่างประเทศ)
และนี่ก็คือประเภทภาษีทั้ง 3 ประเภทที่ผู้เริ่มต้นธุรกิจมือใหม่ควรรู้ แต่ประเภทของภาษีไม่ได้มีแค่ 3 ประเภทนี้เท่านั้น ยังมีภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีสรรพสามิต ภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีป้าย อากรแสตมป์ ซึ่งสามารถอ่านต่อได้ในบทความถัดไป