
เมื่อหิ้วของเข้าประเทศต้องเสียภาษีเท่าไหร่ และแบบไหนไม่ต้องจ่าย
การเสียภาษีเมื่อได้หิ้วของหลังจากเดินทางเข้าประเทศไทย การที่ถูกเรียกเก็บภาษีเป็นมูลค่าสูง ทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่า ของใช้แบบไหนที่หิ้วของเข้ามาจากต่างประเทศแล้วต้องเสียภาษีหรือไม่ต้องเสียภาษีบ้าง และมีวิธีคิดภาษีอย่างไร บทความนี้ กฏหมายภาษี จะมาบอกค่ะ
หิ้วของเข้าไทยแบบไหน ต้องเสียภาษี

ของที่หิ้วของจากต่างประเทศเมื่อนำเข้ามาในประเทศไทยแล้วต้องสำแดง (เข้าช่องแดง) เพื่อเสียภาษีอากร ได้แก่
1. สำหรับของใช้ส่วนตัวที่มีมูลค่ารวมทั้งหมดเกิน 20,000 บาท ไม่ว่าจะใช้เองหรือไม่ได้ใช้เอง (สิ่งของที่นำไปจากประเทศไทยจะไม่ถูกนำมาคิดมูลค่า หากมีการสำแดงไว้ก่อนเดินทาง)
2. สิ่งของที่มีลักษณะทางการค้า แม้จะมีมูลค่าต่ำกว่า 20,000 บาท
3. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เกินกว่า 1 ลิตร
4. บุหรี่ เกินกว่า 200 มวน หรือ ซิการ์หรือยาเส้น เกินกว่า 250 กรัม
5. ของต้องกำกัด คือ ของที่ต้องมีใบอนุญาต เช่น ยาและอาหารเสริม เครื่องสำอาง สัตว์เลี้ยง อาวุธปืน พืช โดรน เป็นต้น
ซื้อสินค้าจากดิวตี้ฟรีเมืองไทย เสียภาษีไหม

ในกรณีการขายสินค้าปลอดภาษีเพื่อให้คนนำออกไปต่างประเทศเท่านั้น ดังนั้นถ้าซื้อสินค้าปลอดภาษีจากร้านดิวตี้ฟรี (Duty Free) ในเมืองไทย แล้วนำออกไปนอกประเทศ หากนำกลับเข้ามาในประเทศอีกครั้งจะถือว่าเป็นของติดตัวที่ซื้อจากต่างประเทศ กรณีสินค้ามีมูลค่ารวมกันเกิน 20,000 บาท จะต้องเสียภาษีตามปกติ แต่ถ้าสินค้า
ปลอดภาษีที่นำออกไปและนำกลับเข้ามาเป็นของใช้ส่วนตัวที่มีจำนวนไม่มากนัก และมีมูลค่ารวมกันไม่เกิน 20,000 บาท ก็จะได้รับสิทธิยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษี
การหิ้วของเข้าไทยต้องจ่ายภาษีอะไรบ้าง

ผู้ที่หิ้วของเข้ามาจะต้องเสียภาษี 2 ประเภทคือ
ภาษีนำเข้า
คิดตามอัตราอากรขาเข้าที่ระบุไว้ในพิกัดศุลกากร ซึ่งมีราคาแตกต่างกันตามชนิดและประเภทสินค้า เช่น
1. เครื่องสำอาง น้ำหอม เสื้อผ้า หมวก เข็มขัด รองเท้า คิดภาษี 30%
2. กระเป๋าทุกแบรนด์เนม คิดภาษี 20%
3. อัลบั้มคอนเสิร์ต ตุ๊กตา CD DVD อัลบั้มเพลง คิดภาษี 10%
4. แว่นตา แว่นกันแดด นาฬิกาข้อมือ คิดภาษี 5%
5. คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ เมาส์ อุปกรณ์ไอทีต่าง ๆ แผงวงจรไฟฟ้า โทรศัพท์ กล้อง ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า แต่ยังต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
รู้ไหมว่าเจ้าหน้าที่จะตีราคาตามใบเสร็จของสินค้า กรณีไม่มีใบเสร็จจะดูราคาจากฐานข้อมูลและเว็บไซต์ที่จำหน่ายสินค้านั้น ซึ่งเป็นเว็บไซต์ทางการของแบรนด์นั้นเองหรือเว็บไซต์ตัวแทนจำหน่ายที่ถูกต้อง สินค้านำเข้าบางประเภทยังต้องเสียภาษีสรรพสามิตด้วย เช่น น้ำหอม เครื่องดื่ม สุรา บุหรี่ ไพ่ เป็นต้น
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

สำหรับสินค้าทุกชิ้นที่เสียภาษีนำเข้าแล้ว จะต้องคิด VAT อีก 7% เข้าไปด้วย โดยคำนวณจากราคาสินค้าที่บวกกับอากรขาเข้าแล้ว ตัวอย่าง เมื่อซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม ราคา 100,000 บาท จากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย แม้จะเป็นของใช้ส่วนตัว แต่เนื่องจากมีมูลค่าเกิน 20,000 บาท จึงต้องเสียภาษีตามสูตรคำนวณโดยใช้สูตรนี้คำนวณภาษีเบื้องต้น ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ
1. การคำนวณอากรขาเข้า = ราคาสินค้า (100,000) x อัตราภาษีขาเข้ากระเป๋า (20%)
ดังนั้นคิดออกมาได้ = 20,000 บาท
2. การคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม = [ราคาสินค้า (100,000) + อากรขาเข้า (20,000)] x ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
ดังนั้นคิดออกมาได้ 8,400 บาท
3. รวมทั้งหมดที่ต้องชำระคือ อากรขาเข้า (20,000) + ภาษีมูลค่าเพิ่ม (8,400) = 28,400 บาท
โทษหากไม่เสียภาษีให้ถูกต้อง

ผู้ที่หิ้วของเข้ามาหากเลี่ยงเสียภาษีจะมีโทษต้องถูกริบของ และปรับเงิน 4 เท่าของราคารวมภาษีอากร หรือจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ