
แอบส่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
ในสายตาของใครหลาย ๆ คนมองว่าภาษีทรัพย์สินเป็นสิ่งชั่วร้ายที่จำเป็นจ่าย ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างก็เช่นเดียวกัน พวกเขาต้องให้รายได้ของตนเองเพื่อการพัฒนาโรงเรียน ถนน และบริการสาธารณะต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม หลายคนตั้งคำถามว่าภาษีนี้ส่งผลต่อความเป็นอยู่ที่ดีโดยรวมของชุมชนหรือไม่ วันนี้ กฏหมายภาษี จะพามาดู
ภาษีที่ดินและอาคารเป็นรูปแบบหนึ่งของภาษีที่เราไม่ควรมองข้าม
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ก็เพราะเป็นทรัพย์สินที่เรียกเก็บจากอสังหาริมทรัพย์มากกว่าทรัพย์สินส่วนบุคคลที่จับต้องได้ เช่น บ้านและรถยนต์ ภาษีประเภทนี้มักถูกมองว่ามีความเป็นธรรมมากกว่าเนื่องจากใช้กับบ้านทุกหลังในพื้นที่โดยไม่คำนึงถึงขนาดหรือมูลค่า โดยที่เป้าหมายของการเก็บภาษีที่ดินและอาคารคือการระดมเงินทุนแต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ส่งผลกระทบต่อมูลค่าโดยรวมหรือความสามารถในการจ่ายของที่อยู่อาศัยในภูมิภาคนั้น ๆ ซึ่งหมายถึงการลดภาษีในธุรกิจต่าง ๆ แทน เพื่อให้พวกเขาสามารถจ้างคนงานเพิ่มหรือขยายสิ่งที่พวกเขาทำไปแล้วได้

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างคือภาษีที่เรียกเก็บจากบุคคลที่เป็นเจ้าของที่ดินหรืออาคาร โดยแนวคิดเบื้องหลังของภาษีนี้คือเจ้าของที่ดินหรืออาคารเป็นผู้รับผิดชอบในการบำรุงรักษา นอกจากนั้นพวกเขายังมีหน้าที่รับผิดชอบในการแก้ไขความเสียหายที่เกิดจากภัยธรรมชาติอีกด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ที่ดินและอาคารถูกทำลาย และจะมีการจัดทำภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำหรับที่ดินและอาคารแต่ละหน่วย โดยภาษีนี้สามารถชำระเป็นเงินสดหรือผ่านการบริการธุรกรรมออนไลน์ได้ เช่น Hire-a-builder บน Fiverr เป็นต้น
ในประเทศสหรัฐอเมริกา กฎหมายภาษีเพิ่งจะเปลี่ยนแปลงไป และกฎหมายใหม่นี้มีประโยชน์และส่งผลดีเป็นอย่างมากสำหรับเจ้าของบ้านหรือที่ดินนั้น โดยกฎหมายภาษีของสหรัฐอเมริกาฉบับใหม่ทำให้ภาษีทรัพย์สินง่ายขึ้นมากสำหรับเจ้าของบ้านหรือที่ดิน เนื่องจากช่วยให้พวกเขาสามารถหักเงินดอกเบี้ยจำนองจากรายได้ก่อนหักภาษีได้

ในประเทศไต้หวันเช่นเดียวกันที่ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นภาษีภาคบังคับที่ทุกคนที่เป็นเจ้าของที่ดินหรืออาคารในไต้หวันต้องจ่ายภาษี ปัจจุบันคำนวณจากมูลค่าตลาดของที่ดินและอาคาร ณ เวลาที่ซื้อ
แล้วถ้าให้ย้อนกลับไป ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีมาตั้งแต่สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่สองแล้ว อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงสำหรับวิธีการคำนวณภาษีตั้งแต่นั้นมา โดยรัฐบาลบังคับให้ใช้กฎหมายนี้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องเจ้าของที่ดินจากภาวะเงินเฟ้ออย่างฉับพลันของมูลค่าทรัพย์สิน แต่ในขณะเดียวกันก็ป้องกันการขยายตัวของเมืองในพื้นที่ชนบทอีกด้วย
กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับนี้ได้ก่อให้เกิดการโต้เถียงกันในเรื่องความเป็นธรรมในช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา เพราะได้ให้ประโยชน์แก่ผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมากกว่าผู้ที่ไม่มีที่ดิน ซึ่งรวมถึงเจ้าของบ้าน ผู้เช่า เจ้าของธุรกิจที่ทรัพย์สินเหล่านั้นไม่ได้สร้างรายได้ใด ๆ ให้กับพวกเขาเลย